โควิดระลอก 3 ดับฝัน เม็ดเงินโฆษณาในไทยโต 2 หลักปีนี้

Publish date : 06/052564

ลุ้นจบเร็ว ยังเห็นตัวเลขบวกปลายอุโมงค์ หรือ The Return of the legend !?! การกลับมาของกรรมกรข่าวตัวพ่อ สรยุทธจะส่งผลบวกต่อเม็ดเงินโฆษณาและดึงจำนวนผู้ชมกลับมาที่สื่อ TV ได้แค่ไหน ?!? MI คาดการณ์ไว้ดังนี้
จากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วและการระบาดรอบที่ 2 ในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ ซึ่งทาง MI ได้เคยประเมินไว้ว่าจากเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้น เราน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาของไทยน่าจะอยู่ในช่วงฟื้นตัวและขาขึ้นในปีนี้ เป็นผลทำให้มีการประเมินในช่วงต้นปีหลังจากการระบาดระลอกที่ 2 เริ่มทุเลาลง ทาง MI ได้คาดการณ์ตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาปีนี้เติบโต +5% ถึง +10 % เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการระบาดรอบล่าสุดนี้ซึ่งเป็นระลอกที่ 3 ทำให้ธุรกิจและสภาวะโดยรวมของไทยกลับซบเซาดิ่งลงอีก ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา (ช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์) และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลายในเร็ววันนี้ โดยจากสถานการณ์ล่าสุด ทาง MI ได้ประเมินความเป็นไปได้หลังจากนี้เอาไว้ 2 Scenarios คือ
Scenario 1: หากการระบาด ระลอก 3 นี้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทรงๆอยู่ที่วันละ 1,xxx และมีแนวโน้มที่จะค่อยๆลดลง จนถึงตัวเลขที่น่าพอใจ (ต่ำกว่า 100) ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ประกอบกับจำนวนวัคซีนที่จะมีการกระจายมากขึ้นตลอดทั้งปี เม็ดเงินสื่อโฆษณาในปีนี้น่าจะยังพอเติบโตได้บ้าง คือประมาณ +4% หรือเม็ดเงินรวมอยู่ที่ประมาณ 78,000 ล้าน
Scenario 2: หากการระบาดระลอกที่ 3 นี้ มีตัวเลขที่สูงขึ้น โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทำ New High อย่างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงในเร็ววัน หรือลดลงจนถึงตัวเลขที่น่าพอใจ (ต่ำกว่า 100) ภายในครึ่งปีแรกนี้ เม็ดเงินสื่อโฆษณาในปีนี้น่าจะไม่เติบโต หรือใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือประมาณ 75,000 ล้าน
ทั้งนี้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใดก็ตาม โอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินโฆษณาในปีนี้เติบโต 2 หลักคงเป็นไปได้ยาก
อย่างไรก็ตามอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลบวกได้บ้างกับเม็ดเงินสื่อโฆษณาไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อทีวี คือการกลับมาของกรรมกรข่าวตัวพ่อ อย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ทาง MI ประเมินว่าการกลับมาของสรยุทธในครั้งนี้ จะส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญในหลายๆเรื่อง เช่น ความสนใจในการติดตามข่าวสาร อิทธิพลทางความคิด ความรู้สึก ของผู้ชมรายการโทรทัศน์ต่อข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่างๆ และการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งสรยุทธ มีบทบาทสำคัญต่อเรื่องเหล่านี้ ซึ่งน่าจะส่งผลบวกโดยตรงต่อช่อง 3 โดยเฉพาะรายการข่าว และเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวีโดยรวม
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของสรยุทธคือ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการบริโภคสื่อ พฤติกรรมของผู้ชมหรือผู้เสพรายการข่าว หรือคอนเทนท์ประเภทข่าวเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งการรับชมรายการข่าวผ่าน TV ช่องต่างๆ และช่องทางออนไลน์หรือผ่าน Social Media ของ Publishers และ KOLs ที่หลากหลาย (ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น) เป็นที่นิยมมากขึ้นในวงกว้าง จนกลายเป็นพฤติกรรมหลักไปแล้วสำหรับคนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่
การกลับมาทำหน้าที่ผู้ดูแลรายการข่าว ผู้ดำเนินรายการข่าวของ
สรยุทธ อาจเป็นเรื่องยากและท้าทายมากที่จะดันเรตติ้งกลับไปที่จุดเดิมหรือสูงกว่าเรตติ้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
จากข้อมูลเรตติ้งเฉลี่ยของ ”รายการเรื่องเล่าเช้านี้” ในช่วงที่สรยุทธยังจัดรายการอยู่ เปรียบเทียบกับเรตติ้งเดือนล่าสุด ตกลงมากกว่า 60% และ”รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ตกลงมากกว่า 30%
ทาง MI มองว่าบทบาทและความนิยมในตัวสรยุทธในปัจจุบัน ภายใต้ สมรภูมิสื่อที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิตัลที่ Social Media มีอิทธิพลต่อคนไทยอย่างมากใน (Changing Media Landscape) สรยุทธไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้ดูแล ควบคุมและดำเนินรายการข่าว แต่สรยุทธถือว่าเป็น Influencer (KOL) แนวหน้าที่ทรงพลังที่สุดคนนึงก็ว่าได้ นอกเหนือจากการเป็นผู้ดำเนินรายการข่าว คุยข่าว สรยุทธยังเป็นผู้สร้างคอนเทนท์ข่าว การนำเสนอในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และสามารถปลุกกระแสข่าว สร้างแรงกระเพื่อม (Call to Action) ในกิจกรรมต่างๆได้อย่างมาก
เพราะฉะนั้นการวัดความนิยมในตัวสรยุทธในฐานะกรรมกรข่าว คงวัดจากเรตติ้งผู้ชมรายการข่าวทาง TV ของช่อง3 อย่างเดียวคงไม่พอ การคำนึงถึงจำนวนผู้ชมและผู้มีส่วนร่วมในช่องทางออนไลน์ social media ต่างๆ น่าจะเป็นคำตอบที่ทำให้ภาพชัดเจนถึงความนิยมและอิทธิพลของสรยุทธต่อคนไทยและผู้บริโภคข่าวจากหลากหลายช่องทาง
การกลับมาดำเนินรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ของคุณสรยุทธ สามารถดึงผู้ชมมาจากช่องอื่นๆ ที่ออกอากาศในเวลาเดียวกันได้ แต่เดิมช่อง 7 ได้เรตติ้งมากที่สุดในกลุ่มผู้ชมทั่วประเทศ แต่หลังจากสรยุทธกลับมา เรตติ้งก็สูสีกับช่อง 3 และในวันพุธที่ 5 พ.ค. ได้เรตติ้งน้อยกว่าช่อง 3
ผู้ชมในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ ให้การตอบรับการกลับมาจัดรายการของคุณสรยุทธเป็นอย่างมาก โดยเรตติ้งเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 2.0 เป็น 2.6 เรตติ้งรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” และ “สนามข่าว 7 สี” ช่อง 7 ในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ไม่ลดลง รายการที่เรตติ้งยังคงที่ ไม่ได้รับผลกระทบทั้งในกลุ่มผู้ชมทั่วประเทศและในเมือง คือ “คุยข่าวเช้าช่อง 8” และ “ข่าวเช้าช่อง One”
การกลับมาจัดรายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ทำให้เรตติ้งของวันเสาร์ที่ 1 และวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ค. เพิ่มขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านั้น เนื่องจากผู้ชมอาจจะตื่นเต้นที่จะได้ดูคุณสรยุทธอีกครั้งหลังจากที่หายไปจากหน้าจอกว่า 5 ปี แต่ในสัปดาห์ต่อมา เรตติ้งในวันเสาร์ที่ 8 พ.ค. กลับลดลง แต่เป็นการลดลงตามๆ กันในหลายๆ ช่อง ไม่ใช่แต่เฉพาะช่อง 3 และกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 9 พ.ค.
ส่วนทางออนไลน์ หลังจากสรยุทธกลับมาจัดรายการตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 พ.ค. 64 ยอด View รายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” และ “เรื่องเล่าเช้านี้” ใน Facebook เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมประมาณเท่าตัว และมียอด Engagement (Like และ Comment) มากกว่าเดิมประมาณ 3 เท่า
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

“สรยุทธคัมแบ็ก” ฟีดแบ็กกระฉูดโลกทีวี-โซเชียล ดันเรตติ้งเพิ่มขึ้น 15%-30%


https://thestandard.co/sorayuth-makes-rueng-lao-chao-nee-to-the-first-rating-program/